


โปรแกรมไหมน้ำของเรา ไม่ใช่แค่ทรีตเมนต์
แต่เป็นการฟื้นฟูผิวแบบล้ำลึก ที่จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเต็มที่
กระตุ้นการสร้างสารต้านอนุฒุลอิสระให้ผิวกลับมาแข็งแรง เด้ง เต่งตึง เหมือนผิวเด็กอีกครั้ง
ไหมน้ำ คืออะไร
ไหมน้ำหรือที่รู้จักกันในชื่อ "Biostimulator" เป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เต่งตึง และเรียบเนียน เมื่ออายุมากขึ้น สารต้านอนุมูลอิสระและอีลาสตินจะลดลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดร่องลึก และไม่กระชับ ไหมน้ำจึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูเด็กอีกครั้ง
ไหมน้ำอยู่ได้นานไหม
หลังจากฉีดไหมน้ำจะเห็นผลลัพธ์หลังฉีด 2 – 4 สัปดาห์ และผลลัพธ์ของไหมน้ำอยู่ได้นานแค่ไหนนั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดสารของใหม่น้ำที่ใช้ หากเป็นไหมน้ำแบบ PDO จะอยู่ได้นานประมาณ 6 – 8 เดือน ไหมน้ำแบบ PCL จะอยู่ได้นานกว่าโดยผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 6 – 12 เดือน ส่วนไหมน้ำแบบ PLLA และ PDLLA จะอยู่ในได้นานที่สุดคือ 2 ปี และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เห็นผลลัพธ์ว่ามีการเปลี่ยนแปลงของผิวอย่างชัดเจน และคงสภาพผิวอย่างที่ต้องการเอาไว้ควรฉีดตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ไหมน้ำที่เลือกใช้ หรือตามคำแนะนำของแพทย์ โดยปกติแล้วควรฉีดอย่างน้อย 3 ครั้ง และห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ ต่อการฉีด 1 ครั้ง
ไหมน้ำช่วยเรื่องอะไรบ้าง
อย่างที่ได้บอกไปคือไหมน้ำช่วยกระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ และยังสามารถฉีดได้ทั่วใบหน้า รวมถึงฉีดบริเวณคอ หรือจะฉีดเฉพาะจุดก็ได้เช่น ฉีดไหมน้ำใต้ตา ระหว่างคิ้ว หรือร่องแก้ม เมื่อฉีดไหมน้ำไปแล้วสามารถแก้ไขปัญหาได้หลายอย่าง ดังนี้
-
ช่วยให้ร่องลึกดูตื้นขึ้นได้ สามารถแก้ปัญหาร่องลึกที่สารปรับรูปหน้าไม่สามารถแก้ไขได้
-
ช่วยยกกระชับใบหน้าให้ตึงขึ้นได้สำหรับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
-
ช่วยแก้ไขปัญหารูขุมขนกว้าง กระชับรูขุมขนให้เล็กลง ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
-
ทำให้ผิวดูฟูอิ่มน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวจากสารต้านอนุมูลอิสระที่เพิ่มมากขึ้น
-
เพิ่มความแข็งแรงให้ผิว เกราะป้องกันผิวแข็งแรงขึ้นทำให้เกิดร่องลึก และปัญหาผิวต่างๆ ได้ยากมากขึ้น
ข้อดี ข้อเสียของไหมน้ำ
