top of page
  • hhi1
  • hhi3
  • hhi2
Banner 01-03.jpg

เหนื่อยไหมกับปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ?

อยากมีใบหน้าเรียวสวยแบบไม่ต้องผ่าตัด? 

โปรแกรมร้อยไหม ไหมมิ้นท์ คือคำตอบ!

Asset 1100.png

การร้อยไหม คืออะไร

การร้อยไหม (Thread Lifting) คือ เทคนิคยกกระชับผิวด้วยการใช้เข็มนำเส้นไหมละลายร้อยเข้าไปในชั้นผิวหนัง ผิวจะถูกเงี่ยงไหมเกี่ยวขึ้นมาตามทิศทางที่ร้อยไหมเข้าไป กระตุ้นให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อใต้ผิว ทำให้มีการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระใหม่บริเวณรอบเส้นไหม และเลือดไหลเวียนมาเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น ช่วยให้ผิวตึงกระชับขึ้นอย่างชัดเจน

ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

การร้อยไหม เน้นยกกระชับเป็นหลัก นอกจากจะสามารถแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยแล้ว ยังช่วยปรับรูปหน้า V-Shape เสริมจมูกโด่ง เก็บปีกจมูก และช่วยเพิ่มต้านอนุมูลอิสระ ลดร่องลึกเล็ก ๆ ให้เรียบเนียน

ใครบ้างที่เหมาะกับการร้อยไหม

การร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย มีร่อวลึก คิ้วตก หางตาตก ต้องการยกกระชับ ปรับรูปหน้าเรียวโดยไม่ผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และต้องการเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว

Asset 1100.png

ไหมที่ใช้ร้อย มีกี่ชนิด มีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไร

ไหมที่ใช้ในการร้อยไหมจะเป็นไหมละลายที่เกิดจากการสังเคราะห์ เมื่อร้อยไหมเข้ากับใบหน้า ไหมจะสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ แบ่งได้ 3 ชนิดตามประเภทวัสดุ คือ PDO, PLLA และ PCL มีคุณสมบัติที่ต่างกัน ดังนี้

  • PDO (Polydioxanone) เป็นไหมสีน้ำเงิน ยืดหยุ่นปานกลาง นิ่ม ไม่เปราะ ขณะร้อยจะไม่รู้สึกระคายเคือง

  • PLLA (Polylactate) เป็นไหมเส้นสีขาวใส พัฒนามาจากไหม PDO มีจุดเด่นด้านความแข็ง ทนต่อแรงดึง ข้อดีคือกระตุ้นสารต้านอนุมูลอิสระได้เยอะ สามารถเติมแทนสารเติมเต็มได้ แต่ไม่ค่อยยืดหยุ่น บาง เปราะ ขาดง่าย

  • PCL (Polycaprolactone) เป็นไหมสีขาวเส้นใหญ่ มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด แข็งทน ไม่เปราะหักง่าย ปัจจุบันรุ่นล่าสุดได้นำจุดเด่นของไหม PLLA มาผสม ทำให้ไหม PCL+PLLA มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระได้ดีและละลายช้า

นอกจากนี้ การร้อยไหมยังสามารถแบ่งได้ตามลักษณะของเส้นไหม เป็น 6 แบบหลัก ๆ คือ ไหมเรียบ ไหมเงี่ยง ไหมเกลียว ไหมกรวย ไหมมิ้นท์ และไหม Tesslift Soft โดยแต่ละคลินิกอาจใช้ชื่อเรียกแตกต่างกัน เพื่อเหตุผลทางการค้า ป้องกันการนำไปเปรียบเทียบกับคลินิกอื่น และให้ง่ายต่อการเรียก ได้แก่

Graphic Banner HA HAY-04.jpg

1. ไหมเงี่ยง

ไหมเงี่ยงหรือที่นิยมเรียกกันว่า ร้อยไหมก้างปลา ความจริงแล้วยังมีอีกหลายชื่อครับ เช่น ไหมกุหลาบ, ไหมปากฉลาม, ไหม 8d หรือไหมเขี้ยวงู เป็นไหมละลายที่มีเงี่ยงยื่นออกมา เพื่อช่วยเกี่ยวผิวให้ยกกระชับขึ้น แบ่งออกตามขนาดของเส้นไหม คือ ไหมเงี่ยงใหญ่ และไหมเงี่ยงเล็ก

2. ไหมมิ้นท์ (Mint Lift)

ไหมมิ้นท์ เป็นไหมที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับ และปรับรูปหน้าให้ V-Shape มีลักษณะพิเศษ คือ มีเงี่ยงอยู่รอบเส้นไหม 360 องศา แบบ 3 มิติ ช่วยเพิ่มแรงในการเกาะติดกับผิวหนังได้หลายทิศทาง ตัวไหมมีความแข็งแรง ไม่เปราะง่าย

3. ไหมตาข่าย (Tesslift Soft)

ไหมตาข่าย หรือไหมโครงตาข่าย เป็นไหมละลายที่เป็นไหมเงี่ยงล้อมรอบด้วยตาข่าย มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความแข็งแรงของเส้นไหม ทนแรงต้านได้ดีกว่าไหมทั่วไปถึง 80 เท่า สามารถช่วยยกพยุงผิวที่หย่อนคล้อยได้ดี เพราะการร้อยไหมตาข่าย 1 เส้น เทียบเท่ากับการร้อยไหมถึง 2 เส้น

4. ไหมเกลียว

ไหมเกลียว เป็นไหม 2 เส้นเกลียวเข้าด้วยกัน  หรือมีซิลิโคนพันอยู่รอบเส้นไหม เพื่อช่วยดึงผิวที่หย่อนคล้อยให้ยกกระชับขึ้น แต่จะเหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยไม่มาก และสามารถทำร่วมกับไหมชนิดอื่น

5. ไหมกรวย

ไหมกรวย มีชื่อเรียกอื่น ๆ ว่า ไหมเทอร์โบ, ไหมโคน หรือ ไหมกรวย Silhouette มีลักษณะเป็นพลาสติกทรงกรวยเล็ก ๆ อยู่ระหว่างปมของเส้นไหม หลังทำอาจมีอาการปวดหรือบวม ใช้เวลาทำนานและราคาสูง จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม

6. ไหมเรียบ

ไหมเรียบ เป็นไหมละลายเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยงหรือเกลียว มีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ ช่วยเรื่องรอยเหี่ยวย่น แต่ไม่สามารถช่วยดึงยกกระชับผิวได้ ในปัจจุบันจึงไม่นิยมใช้แล้ว

ร้อยไหมอยู่ได้นานไหม

ร้อยไหมอยู่ได้นานตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 1 ปี แล้วละลายหมด ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม ดังนี้

  1. PDO อยู่ได้นานประมาณ 4-5 เดือน

  2. PLLA อยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน

  3. PCL อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี

Asset 1100.png

ปัจจัยที่ทำให้ผลลัพธ์ของการร้อยไหมแตกต่างกันออกไป

ผลลัพธ์ของการร้อยไหมของแต่ละคนอยู่ได้นานไม่เท่ากัน บางคนไหมอยู่ได้ 4 เดือน 6 เดือน หรือบางคนอาจอยู่ได้นานถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่เลือกใช้ สภาพผิวเดิม การสร้างอิลาสติน และการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล

ข้อดีของการร้อยไหม

ช่วยแก้ปัญหาผิวที่หย่อนคล้อย ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียว V Shape หลังทำไหมจะกระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ และกระตุ้นการไหลเวียนเลือดทำให้ผิวเต่งตึง แลดูอ่อนกว่าวัยโดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถเห็นผลลัพธ์การยกกระชับทันที มีคุณภาพ ไหมละลายหมดตามระยะเวลา ไม่ทิ้งสารตกค้าง

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจร้อยไหม

ก่อนตัดสินใจร้อยไหม คนไข้ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย หมอมีข้อควรระวังที่ควรรู้ก่อนร้อยไหมมาแนะนำ ดังนี้

  •  ไหมละลายมีอายุ 4 เดือน-2 ปี ขึ้นกับชนิดของเส้นไหมและการดูแลตัวเองหลังทำของแต่ละคน โดยส่วนใหญ่เมื่อเวลาผ่านไป 6-8 เดือน ผิวก็จะหลุดออกจากเส้นไหมก่อนที่ไหมจะละลายหมด ทำให้ผลลัพธ์อาจจะอยู่ได้ไม่นานตามที่โฆษณา

  •  หากร้อยไหมกับแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ ไม่รู้เทคนิคที่ถูกต้อง ร้อยไหมในผิวชั้นตื้นเกินไป อาจทำให้เกิดรอยบุ๋มขึ้นตามแนวที่ร้อยไหม หรือถ้าร้อยไหมทับซ้อนกันมากเกินไป จะทำให้เกิดเป็นพังผืดใต้ผิวหนัง ดึงรั้งผิวให้ผิดรูปได้

  •  เทคนิคการร้อยไหม ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ และการออกแบบว่าจะร้อยไหมไปในทิศทางไหน เพื่อให้เข้ากับรูปหน้าของคนไข้และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด หากร้อยไหมกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง รู้เทคนิคและตำแหน่งถูกต้อง ก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงได้

การเตรียมตัวก่อนทำการร้อยไหม

การเตรียมตัวก่อนร้อยไหมไม่ยุ่งยาก เพียงแต่ควรแจ้งประวัติการแพ้ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ หรือแจ้งโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง และงดวิตามินหรือผลิตภัณฑ์บางชนิดที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น แอสไพริน, Vitamin E, St. Johns Wort, Primrose Oil, Ginko Biloba อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ รวมทั้งควรงดการแว็ก การผลัดเซลล์ผิว นวดหน้า หรือเลเซอร์หน้าเป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ เพื่อลดอาการบวมช้ำหลังร้อยไหม

ข้อห้ามและการปฏิบัติตัวหลังจากทำการร้อยไหม

หลังร้อยไหม คนไข้ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียง และเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานมากขึ้น หมอได้รวบรวมวิธีการดูแลตัวเองหลังร้อยไหม ดังนี้

bottom of page